แก้ปัญหา Drive C: เต็มบ่อย ด้วยฟังก์ชันลบไฟล์ขยะ Auto

แก้ปัญหา Drive C: เต็มบ่อย ด้วยฟังก์ชันลบไฟล์ขยะ Auto


ปัญหายอดฮิตที่ผู้ใช้งาน Windows ทุกท่านต้องเจอคือระบบมักจะทำงานช้าลงหลังจากใช้งานไปซักพัก ทั้งนี้สาเหตุก็เนื่องมาจากบรรดาไฟล์ตกค้างหรือไฟล์ขยะทั้งหลายที่เกิดขึ้นระหว่างการใช้งานจนทำให้พื้นที่ว่างบนฮาร์ดดิสก์หรือ SSD เหลือน้อย โดยเทคนิคที่เราจะนำมาฝากในวันนี้ จะช่วยแก้ปัญหาให้คุณได้แบบทำทีเดียวจบโดยอาศัยฟีเจอร์ที่มีอยู่ใน   Windows 10 อย่าง Storage Sense
การจัดการไฟล์ขยะของวินโดวส์อัตโนมัติด้วย Storage sense
ฟีเจอร์ Storage Sense เป็นฟีเจอร์ที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 10 ตั้งแต่เวอร์ชัน 1703 (Creators Update)  โดยความสามารถของฟีเจอร์นี้คือการช่วยลบไฟล์ขยะ ไฟล์ชั่วคราว (Temporary) ที่เกิดจากการใช้งานแอพฯ ต่างๆ รวมไปถึงไฟล์ใน Recycle Bin ที่ถูกทิ้งค้างไว้นานเกิน 30 วันโดยอัตโนมัติ
1. ขั้นแรกพิมพ์คำว่า ‘Storage’ ในช่อง Search แล้วคลิกเลือกรายการ ‘Storage settings’
2. หน้าต่าง Settings จะปรากฏขึ้น ให้คลิกคลิกที่หัวข้อ “Configure Storage Sense or run it now” เพื่อเข้าไปตั้งค่าการกำจัดไฟล์ขยะโดยอัตโนมัติเพิ่มเติม
3. คลิกเปิดการทำงานใต้หัวข้อ Storage Sense เป็น ‘On’ เพื่อเปิดใช้ฟังก์ชันอัตโนมัติ จากนั้นเลือกออปชันด้านล่างว่าจะให้ระบบทำงานในกรณีใด โดยจะมีให้เลือกคือ Every day (ทุกวัน), Every week (ทุกสัปดาห์), Every month (ทุกเดือน) และ During low free disk space (เมื่อพื้นที่ในไดรฟ์ใกล้เต็ม) ซึ่งออปชั่นนี้จะถูกกำหนดไว้เป็นค่ามาตรฐาน
4. ในหัวข้อ Temporary Files นั้นคุณสามารถกำหนดแยกต่างหากได้ว่าต้องการให้ระบบลบไฟล์ชั่วคราวเมื่อใด มีความถี่ให้เลือกคือ ทุกวัน ทุกสัปดาห์ ทุกเดือน และทุกสองเดือน
5. ถัดลงมาคือการกำหนดให้ลบไฟล์ในโฟลเดอร์ Downloads ซึ่งถ้าคุณใช้เครื่องคนเดียว แนะนำให้เลือกเป็น Never เพื่อไม่ให้ระบบลบไฟล์สำคัญหรือไฟล์ที่เราอาจจำเป็นต้องใช้ในอนาคต
6. ในหัวข้อ Locally available cloud content นั้นจะมีไว้สำหรับผู้ใช้ที่มีการซิงโครไนซ์ไฟล์กับระบบคลาวด์ OneDrive ซึ่งจะทำการลบเฉพาะไฟล์ในไดรฟ์ที่ถูกแบ็กอัพไว้บนระบบคลาวด์แล้ว ยกเว้นเฉพาะไฟล์ที่กำหนดให้เป็น “Always keep on this device” ที่เราต้องการให้สามารถเรียกใช้ได้ตลอดเวลา
7. เมื่อกำหนดค่าในหัวข้อต่างๆ แล้ว ก็สามารถปิดหน้าต่างไปได้เลย แต่หากต้องการให้ระบบตรวจสอบและลบไฟล์ขยะที่ไม่ต้องการ (ตามเงื่อนไขที่กำหนด) ทันทีก็สามารถทำได้โดยคลิกปุ่ม "Clean now" แล้วรอให้ะบบทำงานสักพัก ... สังเกตว่าจะมีออปชัน “Delete previous versions of Windows” ซึ่งเป็นไฟล์เก่าของวินโดว์สก่อนอัพเดต ซึ่งถ้าคุณอัพเดตแล้วใช้งานเป็นปกติ ก็ให้เลือกออปชันนี้ด้วยจะช่วยเรียกคืนพื้นที่กลับมาได้เป็นหลัก GB เลยทีเดียว





ที่มา : www.overclockzone.com

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม